อวัยวะใรร่างกายที่สำคัญ
สมอง (อังกฤษ: Brain) คืออวัยวะสำคัญในสัตว์หลายชนิดตามลักษณะทางกายวิภาค หรือที่เรียกว่า encephalon จัดว่าเป็นส่วนกลางของระบบประสาท คำว่า สมอง นั้นส่วนใหญ่จะเรียกระบบประสาทบริเวณหัวของสัตว์มีกระดูกสันหลัง คำนี้บางทีก็ใช้เรียกอวัยวะในระบบประสาทบริเวณหัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอีกด้วยสมองมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย (homeostasis) เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรู้ (cognition) อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว (motor learning) และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้สมองประกอบด้วยเซลล์สองชนิด คือ เซลล์ประสาท และเซลล์เกลีย เกลียมีหน้าที่ในการดูแลและปกป้องนิวรอน นิวรอนหรือเซลล์ประสาทเป็นเซลล์หลักที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่า ศักยงาน (action potential) การติดต่อระหว่างนิวรอนนั้นเกิดขึ้นได้โดยการหลั่งของสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่รวมเรียกว่า สารสื่อประสาท (neurotransmitter) ข้ามบริเวณระหว่างนิวรอนสองตัวที่เรียกว่า ไซแนปส์ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลงต่าง ๆ ก็มีนิวรอนอยู่นับล้านในสมอง สัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่มักจะมีนิวรอนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านตัวในสมอง สมองของมนุษย์นั้นมีความพิเศษกว่าสัตว์ตรงที่ว่ามีความซับซ้อนและใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมนุษย์
http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/20986-00/
หัวใจ (อังกฤษ: heart) เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากร่างกายของเราขาดก้อนเนื้อก้อนเล็กๆก่อนหนึ่งที่เรียกว่า”หัวใจ” ไปแล้ว ร่างกายของเราก็จะไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ ดังหะดีษที่ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า
“พึงรู้เถิดว่า ในร่างกายนั้นมีก้อนเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งถ้ามันดีแล้ว อวัยวะส่วนอื่นในร่างกายก็จะดีตามไปด้วยทั้งหมด แต่หากมันเลวแล้ว อวัยวะอื่นทั้งหมดในร่างกายก็จะเลวตามไปด้วย พึงรู้เถิดว่ามันคือหัวใจ” (รายงานโดย อัล- บุคอรีย์ และมุสลิม)
การทำงานทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับหัวใจที่บริสุทธิ์ เพราะหัวใจที่บริสุทธิ์นั้น หมายถึง การที่เราได้ลงมือทำสิ่งใดด้วยกับความเต็มใจ ไม่คิดที่จะโอ้อวด หรือหลอกลวงใครเพื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติอามั้ลอิบาดะห์ต่อพระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เราจะต้องตั้งใจทำสิ่งนั้นด้วยกับหัวใจที่อิคลาศ หากเราประกอบอามั้ลด้วยกับการเสแสร้งเพื่อเหตุผลบางอย่าง อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะไม่ทรงตอบรับการงานของเราอย่างแน่นอน
หัวใจของเรานั้นมีหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เช่นเดียวกัน หัวใจที่ดีก็จะสั่งให้ร่างกายของเราทำในสิ่งที่ดีงามไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ แต่ในทางกลับกัน หากหัวใจของเรานั้นมีความบกพร่องและไม่แข็งแรง ร่างกายของเราก็แสดงปฏิกิริยาตอบสนองออกมาทั้งทางความคิด ร่างกาย และจิตใจ
หัวใจของเรามักจะมาเคียงคู่กับความรัก และแน่นอนว่าสำหรับมุสลิมแล้ว สิ่งที่เราจำเป็นจะต้องมอบความรักให้อันดับแรกก็คือ อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และ รองลงมาก็คือ ร่อซูลของพระองค์ และบุคคลที่เราขาดไม่ได้อีกสองท่านก็คือ พ่อและแม่ของเรานั่นเอง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นความรักที่เราจะมอบให้นั้นจะต้องเป็นความรักที่มาพร้อมกับหัวใจที่บริสุทธิ์ และที่สำคัญเราจะต้องรักให้ถูกต้อง และความรักที่ถูกต้องนั้นก็คือ รักเพื่ออัลลอฮ์
หัวใจของคนเรานั้นก็เปรียบเสมือนกับเหล็กที่เมื่อนำมาแช่น้ำ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า น้ำนั้นก็จะทำให้เหล็กนั้นเกิดสนิม เฉกเช่นเดียวกัน หากเราไม่นำหัวใจของเรามาขัดเกลาให้บริสุทธิ์แล้ว สนิมที่เกิดขึ้นมันก็จะค่อยๆกัดกร่อนหัวใจของเราไปทีละเล็กทีละน้อย และท้ายที่สุดแล้วหัวใจของเราก็จะตายด้านโดยที่ไม่รู้ตัว
ดังนั้นหัวใจจึงเป็นตัวแปรที่จะคอยกำหนดว่าการกระทำ ความคิด และคำพูดของเรานั้นจะถูกแสดงออกมาในลักษณะใด เพราะถ้าหากในหัวใจของเรามีแต่สิ่งที่ดีงาม ความคิด การกระทำ และคำพูดของเราก็จะมีแต่เรื่องที่ดีงาม แต่ถ้าหากหัวใจของขุ่นมัว หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ไม่ดีงาม ความคิด การกระทำ และคำพูด ที่เราแสดงออกมามันก็จะสะท้อนสภาพความอ่อนแอของหัวใจเราออกมาด้วย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราทุกคนจะต้องหมั่นตรวจสอบสภาพหัวใจของตนเองว่าวันนี้หัวใจของเรามีความเข้มแข็งมากน้อยเพียงใด เพราะเมื่อใดที่เราพบว่าหัวใจของเรานั้นกำลังอ่อนแอ นั่นหมายถึง เกราะกำบังชิ้นสำคัญที่คอยป้องกันเชื้อไวรัสแห่งความชั่วร้ายกำลังกำลังอ่อนแอลง และแน่นอนว่าเชื้อไวรัสเหล่านี้มันจะเข้ามาทำลายความงดงามที่เคยอยู่ภายในหัวใจไปจนหมดสิ้น จนท้ายที่สุดเราต้องจะต้องกลายเป็นมนุษย์ไร้หัวใจที่กำลังประสบกับโรคแห่งความขาดทุน
http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=50&id=975
ปอด เป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสัตว์มีกระดูกสันหลัง ใช้ในการหายใจ หน้าที่หลักของปอดก็คือ การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือดในร่างกาย และแลกเปลี่ยนเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากระบบเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ทำงานโดยการประกอบกันขึ้นของเซลล์เป็นจำนวนล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์ที่ว่านี้มีลักษณะเล็กและบางเรียงตัวประกอบกันเป็นถุงเหมือนลูกโป่ง ซึ่งในถุงลูกโป่งนี้เองที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซต่าง ๆ เกิดขึ้น นอกจากการทำงานแลเปลี่ยนก๊าซแล้ว ปอดยังทำหน้าที่อื่นๆอีก
คำว่าปอดในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า lung ในทางการแพทย์สิ่งที่เกี่ยวกับปอดใช้คำว่า pulmonary นำหน้าสิ่งนั้น ๆ ในมนุษย์นั้นมีปอดอยู่ในทรวงอก มีสองข้าง คือขวาและซ้าย ปอดมีลักษณะนิ่ม ร่างกายจึงมีกระดูกซี่โครงคอยปกป้องปอดไว้อีกชั้นหนึ่ง ปอดแต่ละข้างจะมีถุงบาง ๆ 2 ชั้นหุ้มอยู่ เรียกว่า เยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มปอดที่เป็นถุงบาง ๆ 2 ชั้นนี้เรียกว่า เยื่อหุ้มปอดชั้นในและ เยื่อหุ้มปอดชั้นนอก เยื่อหุ้มปอดชั้นในจะแนบติดไปกับผิวของปอด ส่วนเยื่อหุ้มปอดชั้นนอกจะแนบติดไปกับช่องทรวงอก ระหว่างเยื่อหุ้มปอด 2 ชั้นบางๆนี้จะมีช่องว่าง เรียกว่า ช่องเยื่อหุ้มปอด ในช่องเยื่อหุ้มปอดจะมีของเหลวคอยหล่อลื่นอยู่ เรียกว่า ของเหลวเยื่อหุ้มปอด ของเหลวนี้จะช่วยให้เยื่อหุ้มปอดแต่ละชั้นสไลด์ไปมาระหว่างกันได้โดยไม่เสียดสีกัน และของเหลวเยื่อหุ้มปอดก็ยังช่วยยึดเยื่อหุ้มปอดทั้งสองชั้นไว้ไม่ให้แยกจากกันโดยง่าย ปอดข้างซ้ายนั้นมีขนาดเล็กกว่าปอดข้างขวา เพราะปอดข้างซ้ายต้องเว้นที่เอาไว้ให้หัวใจอยู่ในทรวงอกด้วยกันด้วย
http://danusorn10617.blogspot.com/2012/02/blog-post.html
ตับ ( liver ) ของคนเราเป็นอวัยวะที่ให้ที่สุด และมีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอันมาก ตับจะอยู่ตรงชายโครงขวาใต้กระดูกซี่โครง หนักประมาณกิโลกรัม มีสีออกแดงแบ่งออกเป็นสองกลีบ คือกลีบขวา และกลีบซ้าย โดยปกติมักจะคลำตับไม่ได้ แต่หากตับโตขะโตลงล่าง หรือโตออกด้านข้างหรือบนก็ได้ มักจะมีอาการจุกตื้อๆโดยในร่างกายมนุษย์ขนาดปกติตับจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม เนื้อตับจะออกสีแดงปนน้ำตาลเข้ม ทั้งนี้
ตับมีหลอดเลือดสำคัญ ที่ใช้ทำหน้าที่ในการผ่านเข้า-ออก 3 ช่องทาง คือ |
1hepatic portal vein
หลอดเลือดดำจากลำไส้เล็ก (เล็ก, ใหญ่) นำกลูโคส และสารอาหารอื่นที่เพิ่งผ่านการย่อยและดูดซึมมา ส่งให้ตับ เพื่อคัดแยกประเภทดำเนินกรรมวิธีตามหน้าที่ของตับ
2hepatic artery
หลอดเลือดแดงจากหัวใจ นำเลือดแดงที่อุดมด้วยออกซิเจนมาส่งเลี้ยงเซลล์ตับ ขณะเดียวกันก็รับเอาคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นของเสียจากตับส่งออกทางหลอดเลือดดำ กลับไปหาหัวใจและปอด
3hepatic vein
หลอดเลือดดำจากตับ เข้าสู่หลอดเลือดดำจากตับ เข้าสู่หลอดเลือดดำหัวใจ ทั้งนี้ตับได้ฝากส่งคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำตาลกลูโคส และสารอาหาร รวมทั้งตับอ่อนก็ได้ช่วยส่งอินซูลิน (เป็นผู้นำพากลูโคส) ให้หัวใจส่งไปรับออกซิเจนก่อนแล้วจึงจะแจกจ่ายไปทั่วทุกเซลล์ในร่างกาย
หน้าที่ของตับ
โดยพิจารณาเพียงการไหลเข้า-ออก ของหลอดเลือด 3 เส้น ดังกล่าวก็พอจะอนุมานได้ว่า ตับนั้นเสมือน
เป็น "แม่บ้านใหญ่" หรือ "โรงงานศูนย์กลาง" ของร่างกาย กล่าวคือ ทั้งรับวัตถุดิบ ทั้งผลิต ทั้งเก็บรักษา ทั้งตรวจสอบคุณภาพ ทั้งแจกจ่าย ทั้งเก็บขยะและทิ้งขยะของเสีย
ในการนี้ ใคร่ขอสรุปพอให้เห็นภาพกว้าง ๆ ในการทำหน้าที่ของตับอย่างง่าย ๆ ดังนี้
เป็น "แม่บ้านใหญ่" หรือ "โรงงานศูนย์กลาง" ของร่างกาย กล่าวคือ ทั้งรับวัตถุดิบ ทั้งผลิต ทั้งเก็บรักษา ทั้งตรวจสอบคุณภาพ ทั้งแจกจ่าย ทั้งเก็บขยะและทิ้งขยะของเสีย
ในการนี้ ใคร่ขอสรุปพอให้เห็นภาพกว้าง ๆ ในการทำหน้าที่ของตับอย่างง่าย ๆ ดังนี้
- เป็นหน่วยรักษากฎเกณฑ์ เป็นหน่วยสังเคราะห์ และเป็นหน่วยส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ตับสร้างขึ้นใช้ ตามความต้องการของร่างกาย ผลผลิตที่ตับสร้างขึ้น และควบคุมการใช้ ได้แก่
- น้ำตาลกลูโคส
- โปรตีน เพื่อนำไปใช้สังเคราะห์ทดแทนอวัยวะที่สึกหรอทั่วร่างกาย รวมทั้งโปรตีนที่จำต้องใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น สารทำให้เลือดแข็งตัว (coagulation) อัลบูมิน โกลบูมิน ฯลฯ
- น้ำดี เพื่อใช้ย่อยอาหารไขมัน ขณะเดียวกัน ก็ใช้ท่อน้ำดีเป็นช่องทางทิ้งของเสีย หรือของมีพิษที่ตับกรองเก็บไว้ ให้พ้นออกไปกับกากอาหารทางลำไส้
- สารประเภทไขมัน (lipids) เช่น คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไลโปโปรตีน ฯลฯ
- เป็นหน่วยคลังเก็บรักษา เก็บสิ่งมีประโยชน์ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ
- เก็บของมีพิษ เช่น ยาเคมีรักษาโรค โลหะหนัก ทองแดง รวบรวมพักรอไว้ก่อนที่จะทิ้งออกไปนอกร่างกาย
- เป็นหน่วยรักษาความสะอาด ในการกำจัดขยะ และของมีพิษ หรือทำของมีพิษให้หมดพิษขยะหรือสิ่งมีพิษที่สำคัญ ได้แก่
- แอมโมเนีย ซึ่งนับเป็นขยะที่เกิดจากการย่อยสลายอาหารโปรตีน ทั้งนี้ ตับจะเปลี่ยนแปลงแอมโมเนีย (ammonia) ให้เป็นยูเรีย (urea) ส่งผ่านไตให้เป็นน้ำปัสสาวะ (urine) ออกทิ้งไป
- สารบิลิรูบิน (bilirubin) เป็นขยะที่เกิดจากการสิ้นอายุขัยของเม็ดเลือดแดง (ซึ่งแต่ละเม็ดเลือดแดงจะมีอายุเพียงประมาณ 120 วัน) โดยม้ามจะเป็นผู้ดำเนินการกวาดต้อนและทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้วเปลี่ยนให้เป็นสีเหลืองไปเกาะกับอัลบูมิน (albumin) ลอยไปตามกระแสเลือดเพื่อให้ตับจัดการเก็บเอามาย่อยสลายเป็นสารบิลิรูบิน (bilirubin) แล้วฝากส่งไปกับน้ำดี (bile) ออกทิ้งผ่านลำไส้ออกไปนอกร่างกายพร้อมกากอาหาร
- ฮอร์โมน ทิ่อวัยวะต่าง ๆ ผลิตขึ้นมาใช้ในหน้าที่ต่าง ๆ กัน เมื่อฮอร์โมนเหล่านั้นหมดอายุ หรือมากเกินความจำเป็น ตับก็จะจัดการเก็บมาทำลาย
- ยา ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ตับไม่เคยรู้จัก เพราะเป็นสารเคมีที่หลุดเข้าสู่กระแสเลือด ในการนี้ ตับก็จะพยายามเก็บไว้ในฐานะของสารพิษเช่นเดียวกับสารพิษอื่น หาทางปล่อยทิ้งต่อไปด้วยเช่นกัน
- แอลกอฮอล์ จากเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็มีฐานะเป็นสารพิษเหมือนยาเช่นเดียวกัน แต่มีขอบเขตของพิษมากกว่ายา ตรงที่ปริมาณมาสู่ตับมักจะมากล้นเกิน (เพราะเจ้าของร่างกายดื่มโดยไม่เคยควบคุมปริมาณ) เซลล์ตับรับมือสารพิษไม่ไหว จึงอาจบาดเจ็บ (ในรูปของตับอักเสบ) หรือเซลล์ตับตาย (ในรูปของตับแข็ง) แต่ถึงอย่างไร ตับก็พยายามทำหน้าที่ขับทิ้งออกทางไตปนกับน้ำปัสสาวะ
สรุปแล้ว ทั้งยา และแอลกอฮอล์ อาจทำลายตับได้ หากใช้อย่างไม่รู้เท่าทัน และไม่ระมัดระวัง
หน้าที่ของตับ
- ตับเป็นอวัยวะที่สร้างสารต่างๆที่สำคัญ เช่นไข่ขาวหนือ albumin ช่วยอุ้มน้ำให้อยู่ในหลอดเลือด หากไข่ขาวในเลือดต่ำจะทำให้เกิดอาการบวมเท้า ท้องมาน
- ตับเป็นอวัยวะที่ผลิตน้ำดี และเกลือน้ำดีเพื่อช่วยย่อยสลายไขมัน โดยน้ำดีจะถูกขับออกทางเดินอาหารทำให้อุจาระสีเหลือง หากทางเดินน้ำดีอุดตันอุจจาระจะมีสีขาว
- ตับเป็นอวัยวะที่สะสมพลังงานเช่น glucose และวิตามิน
- ตับเป็นโรงงานผลิตพลังงานให้ร่างกาย โดยสลายสารอาหารให้ร่างกาย เมื่อตับป่วยจึงรู้สึกเพลียมาก
- ตับมีหน้าที่กำจัดของเสีย ของเสียที่ร่างกายเราได้มาจากอาหารหรือสารที่เรารับเข้าไป เช่นยา แอลกอฮอลล์ กาแฟ หรือสารที่เป็นพิษ และอีกส่วนหนึ่งมาจากการย่อยหรือสลายสารอาหาร เมื่อสารพิษผ่านตับ ตับจะทำหน้าที่ทำลายสารพิษนั้น แต่หากเราได้รับสารพิษมากก็อาจจะทำให้ตับเสียหายได้
- ตับเป็นที่อยู่ของเม็ดเลือดเพื่อดักจับเชื้อโรค
http://www.livernurturingclub.com/center/knowledge/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/
ลำไส้ใหญ่ (Colon หรือ Large intestine) เป็นอวัยวะสุดท้ายในระบบการย่อยอาหารก่อนที่กากอาหารจะถูกกำจัดออกทางทวารหนัก นอกจากทำหน้าที่กำจัดอาหารออกจากร่างกายแล้ว ลำใส้ใหญ่ยังทำหน้าอื่นๆในระบบการย่อยอาหารอีกด้วยหลายอย่าง วันนี้เราจะมาดูกันว่าลําไส้ใหญ่ทําหน้าที่อะไรบ้าง
ลําไส้ใหญ่ทําหน้าที่อะไร
1. ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่รับกากอาหารที่ย่อยเสร็จแล้วจากลำไส้เล็ก เพื่อเข้าสู่กระบวนการสุดท้ายของระบบการย่อยอาหาร
2. ดูดซึมน้ำและวิตามินบี 12 ที่แบคที่เรียในลำไส้ใหญ่สร้างขึ้น
3. ดูดซึมแร่ธาตุและกลูโคสที่ยังหลงเหลือกลับเข้าสู่กระแสเลือด
4. ผลักดันกากอาหารสู่ไส้ตรง (ลำไส้ใหญ่ส่วนสุดท้าย) เพื่อขับออกทางทวารหนักต่อไป
1. ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่รับกากอาหารที่ย่อยเสร็จแล้วจากลำไส้เล็ก เพื่อเข้าสู่กระบวนการสุดท้ายของระบบการย่อยอาหาร
2. ดูดซึมน้ำและวิตามินบี 12 ที่แบคที่เรียในลำไส้ใหญ่สร้างขึ้น
3. ดูดซึมแร่ธาตุและกลูโคสที่ยังหลงเหลือกลับเข้าสู่กระแสเลือด
4. ผลักดันกากอาหารสู่ไส้ตรง (ลำไส้ใหญ่ส่วนสุดท้าย) เพื่อขับออกทางทวารหนักต่อไป
http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/